ประโยชน์ของป่าไม้ทางอ้อม
ประโยชน์ทางอ้อมของป่าจะคิดคำนวณออกมาเป็นเงินได้ยาก และมนุษย์มักจะมองไม่เห็นว่าเป็นประโยชน์ แต่มีความสำคัญอย่างมากเช่นเดียวกับประโยชน์ทางตรงประโยชน์ทางอ้อมของป่า ได้แก่
1) ป่าทำให้น้ำไหลอย่างสม่ำเสมอตลอดปี และมีคุณภาพดี เนื่องจากต้นไม้ในป่าจะดูดซับน้ำเอาไว้เมื่อฝนตกลงมาและทำให้ค่อยๆ ซึมลงดินสะสมน้ำไว้ใต้ดิน แล้วค่อยๆปล่อยออกสู่ห้วยธาร
2) บรรเทาความรุนแรงของลมพายุ ป่าไม้เป็นฉากกำบังที่จะช่วยลดความเร็วของลมพายุซึ่งจะสามารถบังได้มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับ ความสูง ความหนาแน่นของหมู่ไม้และเรือนยอดของพันธุ์ไม้แต่ละชนิดว่ามีความแน่นทึบเพียงใด ต้นไม้ที่เป็นแนวกันลมสูงจากพื้นดิน 2 ฟุต จะสามารถลดความเร็วของลมพายุให้เหลือเพียงร้อยละ 20 และแนวกันลมจะสามารถป้องกันลมคิดได้เป็นระยะทางเท่ากับ 20 – 25 เท่าของความสูงต้นไม้นั้นในด้านใต้ลม และ 3 เท่าในด้านเหนือลม (Allen,1959 อ้างโดย นิวัติ, 2548)
3) ป้องกันการพังทลายของดิน เรือนยอดของป่าไม้จะสกัดกั้นความรุนแรงของฝนที่ตกลงมามิให้กระทบผิวดินโดยตรง น้ำบางส่วนจะค้างอยู่ตามเรือนยอดของต้นไม้ บางส่วนจะไหลไปตามลำต้น บางส่วนจะตกทะลุเรือนยอดลงสู่พื้นป่า บริเวณพื้นป่ามักจะมีเศษไม้ใบไม้และซากเหลือต่างๆ ของทั้งพืชและสัตว์คอยดูดซับน้ำฝนและชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่า ทำให้ลดการพังทลายของดิน ประกอบกับดินป่าไม้มักจะเป็นดินดีมีอินทรียวัตถุสูง มีการดูดซับน้ำได้ดีน้ำจึงซึมลงดินได้มาก ทำให้น้ำไหลบ่าลดลง
4) บรรเทาอุทกภัย การทำลายป่านอกจากจะทำให้เกิดการพังทลายของดิน ยังทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำลำธารเพิ่มขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และน้ำที่ไหลมาจะขุ่นข้นเพราะเต็มไปด้วยกรวดทรายและดินตะกอนต่างๆ เมื่อไหลลงไปถึงลำน้ำ ก็ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำนั้นๆ สูงขึ้นอย่างรวดเร็วหากล้นตลิ่งก็จะกลายเป็นอุทกภัยทำลายสวนไร่นา และบ้านเรือนสองฝั่งน้ำ ให้เสียหายได้หิน กรวดทราย และตะกอนที่น้ำพัดพามาจะกัดเซาะตลิ่งพังหรือทำให้สายน้ำต้องเปลี่ยนทิศทางและทำให้ลำน้ำตื้นเขินอย่างรวดเร็ว เมื่อลำน้ำตื้นเขินความจุย่อมจะลดลง พอมีฝนตกและมีน้ำไหลบ่าเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอุทกภัยขึ้นได้ง่าย และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
5) เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ป่าไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร เป็นเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ สัตว์ป่าบางชนิดมีประโยชน์ต่อการค้นคว้าทดลองทางวิทยาศาสตร์การแพทย์นกและแมลงบางชนิดเป็นประโยชน์ในการทำลายศัตรูพืชและช่วยในการรักษาความสมดุลของธรรมชาติหากไม่มีป่าสัตว์ป่าอาจสูญพันธุ์ เพราะจะไม่มีแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหาร นอกจากนี้สัตว์ป่ายังเป็นทรัพยากรเพื่อการท่องเที่ยวและศึกษาธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้อย่างหนึ่งของประเทศ
6) เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ป่าไม้บางแห่งมีทิวทัศน์สวยงาม มีความสงบ ร่มเย็น มีอากาศบริสุทธิ์ จึงเป็นแหล่งเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวของคน โดยเฉพาะคนที่อาศัยในเมืองที่จะต้องมีการประกอบอาชีพที่เคร่งเครียดย่อมต้องการการพักผ่อนเพื่อคลายความเครียด รัฐบาลจัดสถานที่พักผ่อนในป่าในรูปของอุทยานแห่งชาติวนอุทยาน
7) ป่าให้ความชุ่มชื้น ป่ามีส่วนช่วยให้ฝนตกเพิ่มขึ้นและทำให้มีความชุ่มชื้นในอากาศสม่ำเสมอ ป่าไม้มีอิทธิพลช่วยทำให้มีฝนตกมากขึ้นเฉพาะที่เฉพาะแห่งแต่ไม่ใช่ทั่วไป เนื่องจากอากาศเหนือท้องที่ที่ป่าไม้ขึ้นอยู่มีความชุ่มชื้น และเย็นกว่าในที่ที่ไม่มีป่าไม้เมฆฝนที่ลอยผ่านมาเมื่อกระทบความเย็นก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตกลงมาเป็นฝน ความชุ่มชื้นของอากาศ ปกติที่ที่มีป่าไม้จะมีความร่มเย็นกว่าในที่โล่งแจ้ง และมีไอน้ำจากการคายน้ำของต้นไม้มาก รวมทั้งไม่มีลมแรงภายในป่า จึงทำให้ความชุ่มชื้นของอากาศภายในป่าสูงกว่าที่โล่งแจ้งประมาณร้อยละ11เวลาอยู่ในป่าจึงรู้สึกชุ่มชื้นเย็นสบาย ไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน และไม่หนาวมากในฤดูหนาว
8) เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ ป่าเป็นแหล่งรวมของความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพืช สัตว์ ที่จะเป็นแหล่งพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญที่จะเป็นทุนในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
9) รักษาคุณภาพของอากาศ ต้นไม้ในป่าช่วยดูดซับฝุ่นละออง ดูดซับก๊าซที่เป็นมลพิษ สร้างออกซิเจน จึงทำให้อากาศบริสุทธ
10) ป่าช่วยรักษาอุณหภูมิ ร่มเงาของต้นไม้ช ่วยลดอุณหภูมิทำให้ลดการใช้พลังงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะในคราวเดียวกัน